โรงแรมขนาดเล็กทั้งประเทศเฮ ได้อานิสงค์ กฎกระทรวงโรงแรมใหม่ ฉบับปี พ.ศ. 2566 ทั้ง 3 ฉบับ ประกาศบังคับใช้ อนุมัติโดยกระทรวงมหาดไทย ลงนามประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อย หลังสมาคมที่พักบูติกภูเก็ตเป็นหัวหอกร่วมต่อสู้กับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อขอผ่อนปรนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขอใบอนุญาตโรงแรม มาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 5 ปี และได้รับการสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโรงแรมขนาดเล็ก จนผลักดันกฎหมายให้คลอดออกมาใช้ได้จริง ทั้ง 3 ฉบับเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา
สมาคมที่พักบูติกภูเก็ตตอบรับการประกาศบังคับใช้กฎหมายโรงแรมใหม่ทันที โดยร่วมกับจังหวัดภูเก็ตนำโดย นายดนัย สุนันทารอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จัดสัมนา กฎกระทรวงโรงแรมใหม่ ปี พ.ศ. 2566 “ROAD TO HOTEL LICENSE” ให้ความรู้ด้านกฎหมายเพื่อขอตรวจรับใบอนุญาตโรงแรม ณ วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2566 ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเดอะพาร์โก้ดีไซน์ภูเก็ต ในงานสัมนาดังกล่าว ทางจังหวัดภูเก็ตได้เรียนเชิญ นายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย นายอนันต์ ชูช่วย นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต และ นายมโนสิทธิ์ แจ้งจบ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโรงแรมขนาดเล็ก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรให้ความรู้ ในเนื้อหาภาพรวมของกฎกระทรวงฉบับใหม่ ทั้ง 3 ฉบับข้างต้น เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการที่พักขนาดเล็กที่มาร่วมสัมนา ได้เกิดความเข้าใจถึงขั้นตอน และตัวบทกฎหมายฉบับใหม่ที่มีข้อผ่อนปรน ให้สามารถนำอาคารที่ประกอบกิจการโรงแรมของตน ไปขอยื่นตรวจรับใบอนุญาตโรงแรมได้ ขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯและจังหวัดภูเก็ตได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ องค์กรปกครองท้องถิ่น (อบต.เทศบาลต่างๆในจังหวัดภูเก็ต) เข้าร่วมฟังการเสวนากฎหมายดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปกครองในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการบังคับใช้กฎกระทรวงโรงแรมฉบับใหม่ ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ไปปฎิบัติใช้ให้เป็นแนวทางเดียวกัน
นางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และประธานสภาเขต 11 กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามคาดการณ์ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยรวมกว่า 25-30 ล้านคนในสิ้นปี 2566 นี้ ซึ่งหากตั้งสมมุติฐานว่า โรงแรมขนาดเล็กในจังหวัดภูเก็ต มีโอกาสกลับมาเปิดกิจการหลังได้รับใบอนุญาต แล้วจะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวรวมกว่า 10,000 คนต่อวัน 2.19 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้เข้าจังหวัดภูเก็ตกว่า 16,202 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโรงแรมขนาดเล็กมีรายได้ค่าห้องพักจากนักท่องเที่ยวเพียง 10% ซึ่งอีก 90% เงินจะสะพัดหมุนเวียนไปที่ supply chain อื่นๆทั้งจังหวัดกว่า 2,500 แห่ง ซึ่งเป็นมูลค่ากว่า 14,585 ล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงานหมุนเวียนมากกว่า 25,000 คน ในภาพรวมทุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ที่ล้วนได้รับผลประโยชน์จากการปลดล๊อคกฎหมายในครั้งนี้