วันที่ 10 สิงหาคม 2566: พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นประธานในงานแถลงข่าวผลการประชุมอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุลกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน (DGICM) ครั้งที่ 26 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการ ศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมืองให้เกียรติเข้าร่วมแถลงข่าว ณ ห้องลอยกระทง โรงแรม อังสนา ลากูน่า ภูเก็ต



พล.ต.ต. ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปิดเผยว่า “ปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมือง และหัวหน้าฝ่ายกงสุล กระทรวงการต่างประเทศอาเซียน (DGICM) ครั้งที่ 26 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 11 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต สำหรับการประชุม “DGICM” คือ การประชุมผู้นำระดับอธิบดี หรือ ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าฝ่ายกงสุล ในกลุ่มประเทศอาเซียน 11 ประเทศ รวมประเทศติมอร์เลสเต ซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนล่าสุดเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยเริ่มมีการประชุมกันมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 หมุนเวียนกันเป็นประเทศเจ้าภาพ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและทำข้อตกลงในการร่วมมือกันพัฒนาความเข้มแข็งเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายผ่านแดนของบรรดาอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบเข้าเมือง และการค้ามนุษย์ ในเขตภูมิภาคเอเชีย และภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2545 และปี พ.ศ.2555”



นอกจากนั้น ยังมีเวทีการประชุมกับประเทศคู่เจรจาอีก 2 เวที ได้แก่ การประชุม DGICM กับคู่เจรจา ออสเตรเลีย และ การประชุม DGICM กับคู่เจรจา + 3 ได้แก่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีการประชุมเต็มคณะโดยอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุลกระทรวงการต่างประเทศด้วย“ ผลการประชุมหารือในทุกด้าน ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมเป็นต้นมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งด้านสารัตถะซึ่งปรากฏผลความร่วมมือที่เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยมีประเด็นหลักด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การอัพเดทข้อมูลการติดต่อหน่วยงานตลอด 24 ชั่วโมง การศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การยกระดับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้การจัดเก็บและเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ด้วยภาพถ่ายใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ (BIOMETRICS) ในระบบงานตรวจเข้าออกราชอาณาจักร การควบคุมการพำนักคนต่างด้าว และการให้บริการคนต่างด้าว โดยใช้ระบบ Online e- Extension รวมถึงการลงข้อมูลบุคคลต้องห้ามให้เป็นระบบงานที่รองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมีเอกภาพ เพื่อการป้องกันการลักลอบผ่านแดนระหว่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ให้เกิดการประสานงานปฏิบัติร่วมกันในการสกัดกั้น หรือปราบปรามการจับกุมได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่การก่อการร้าย การลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญไว้”

ส่วนด้านการจัดงานในฐานะเจ้าภาพสำหรับปีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลือกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในการจัดงานเพื่อกระตุ้นบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังจากเผชิญเหตุวิกฤติโควิด-19 ซึ่งได้เชิญชวนประชาชนคนไทย และชาวภูเก็ตร่วมเป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมประชุมนานาชาติกว่า 500 คน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินแผนรักษาความปลอดภัยและการจราจร เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนั้น ยังส่งเสริมเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ด้วยการใช้อาหาร สิ่งของเครื่องใช้ของที่ระลึกจากงานฝีมือท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทยอีกด้วย รวมถึงตอบสนองแนวคิดตามมติสหประชาชาติในการลดภาวะมลพิษด้วยธีม Low Carbon meeting เช่น การใช้วัสดุการประชุมที่รีไซเคิลได้ การใช้จอ LED เป็น Backdrop แทนวัสดุไม้หรือกระดาษ การลดการใช้เอกสาร การใช้ไม้กระถางตบแต่งสถานที่เพื่อการนำมาใช้ประโยชน์หลังประชุม การใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในการประชุม เป็นต้น เพื่อเป็นแบบอย่างการประชุมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”
