










รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานวางพวงมาลาสักการะพระยาวิชิตสงคราม ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้สร้างนครภูเก็ต 3 สมัย ตั้งแต่ ร. 3 ต่อเนื่องจนถึง ร. 5
วันนี้ (28 ก.พ.68) นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานใน พิธีวางพวงมาลาสักการะพระยาวิชิตสงคราม ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ด้านหน้าวัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) ตามโครงการเชิดชูบรรพชนผู้สร้างนครภูเก็ต ประจำปี 2568 โดยมี นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต หัวหน้าศูนย์ราชการหน่วยงานภาครัฐเอกชนและลูกหลานสายสกุล รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เข้าร่วม ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความเคารพ และยกย่องเชิดชูเกียรติผู้สร้างนครภูเก็ต พระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต)
พระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ผู้เป็นเจ้าเมืองภูเก็ต 3 รัชกาล ที่พัฒนาเมืองภูเก็ตให้เจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 3 ต่อเนื่องจนถึงรัชกาลที่ 5 และท่านได้บุกเบิกทำเหมืองแร่ดีบุกบริเวณรอบอ่าวทุ่งคาพระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี 2421 ด้วยคุณงามความดีและคุณประโยชน์ที่ได้สร้างความเจริญก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งการดูแลทุกข์สุขของประชาชนและการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เทศบาลนครภูเก็ตจึงได้จัดพิธีวางพวงมาลาสักการะพระยาวิชิตสงครามในครั้งนี้ขึ้น กิจกรรมประกอบด้วย ส่วนราชการร่วมวางพวงมาลา และการประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ
โอกาสนี้ นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานนำกล่าวสดุดีเชิดชูคุณงามความดีพระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) โดยมีใจความดังนี้ “เนื่องในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นวันคล้ายวันอัญเชิญรูปปั้นพระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ประดิษฐานบนแท่นอนุสาวรีย์ ณ วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ในนามข้าราชการพลเรือน พนักงานส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน สมาคม ชมรมรวมถึงประชาชนทุกสาขาอาชีพ และลูกหลานสายสกุล รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ต่างพร้อมใจกันมาชุมนุม ณ ที่แห่งนี้ เพื่อร่วมรำลึกและสดุดีเชิดชูคุณงามความตีของพระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ผู้เป็นเจ้าเมืองภูเก็ตสามรัชกาล ที่พัฒนาเมืองภูเก็ตให้เจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 3 ต่อเนื่องจนถึงรัชกาลที่ 5 ท่านได้บุกเบิกทำเหมืองแร่ตีบุกบริเวณรอบอ่าวทุ่งคา สมัยนั้นบ้านทุ่งคายังเป็นป่ารกร้าง และเป็นป่าชายเลนริมทะเลที่ยังไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ท่านได้พัฒนาจัดตั้งเป็นบ้านเมืองร้านค้าเจริญรุ่งเรือง มีประชาชนคับคั่ง มีการค้าขายแร่ดีบุกกับต่างชาติ และมีเงินส่งภาษีเข้าส่วนกลางเป็นจำนวนมาก ได้รับศักดินา 10,000 ไร่ ปัจจุบันฟื้นที่ดังกล่าวบริเวณเชิงเขาโต๊ะแซะเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด หน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งในสมัยนั้น ท่านได้สร้างวัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) ไว้บนที่ดินของท่าน ด้วยความสำนึกในพระคุณของท่าน และตระหนักถึงคุณงามความดี คุณประโยชน์ที่ท่านได้คิดริเริ่มและวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ พร้อมทั้งการดูแลทุกข์สุขของประชาชนและปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ควรเป็นเยี่ยงอย่างอันดีแก่ข้าราชการทั้งหลายได้ประพฤติยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ราชการสืบไป”